เกี่ยวกับฉัน= about me

รูปภาพของฉัน
เมือง..udonthani, อุดรธานี..udonthani..Thailand.., Thailand
I can't have everything that i want but i have all that i need..เรียบง่าย.สบายๆๆ.รักความสนุก..สงบ.. อารมณ์ดี..ชอบดูหนัง..ฟังเพลง... always look on the bright side of life..Be free..be real..be naughty. be safe..but all else be nice toward other..love+friendship..still good..tell your friends...

วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อุดรธานี..Udonthani.

ศาลหลักเมืองจังหวัดอุดรธานี

ศาลหลักเมืองจังหวัดอุดรธานีเป็นที่เคารพศักการะของชาวจังหวัดอุดรธานี
วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553ประวัติจังหวัดอุดรธานี



ตราประจำจังหวัดอุดรธานี


ดวงตราประจำจังหวัดอุดรธานี เป็นรูปท้าวเวสสุวัณ หรือท้าวเวสสวันหรือท้าวกุเวรหมายถึงเทพยดาผู้คุ้มครองรักษาประจำทิศอุดร ยืนถือกระบองเฝ้ารักษาบ้านเมืองกรมศิลปากรได้ออกแบบตั้งแต่ พ.ศ. 2483




ธงประจำจังหวัดอุดรธานี

ลักษณะพื้นผ้าเป็นสีส้ม มีตราประจำจังหวัดอุดรธานี คือ ท้าวเวสสุวัณอยู่ภายใน



ต้นไม้ประจำจังหวัดอุดรธานี

ดอกทองกวาว

ชื่อวิทยาศาสตร์ Butea monosperma O.Ktze.
วงศ์ LEGUMINOSAE
ชื่อพื้นเมือง กวาว ก๋าว จอมทอง จ้า จาน ทองธรรมชาติ ทองพรหมชาติ ทองต้น





ต้นทองกวาว หรือ ต้นดอกจาน ตามภาษาอีสาน เป็นต้นไม้ที่มีดอกสีแสด สวยงามมากจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายนของทุกปีซึ่งมีความหมายหลายประการคือพระนามเดิมของพลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้สร้างเมืองอุดรธานีนั้น มีพระนามว่า “พระองค์เจ้าทองกอง ก้อนใหญ่” และเป็นต้นราชสกุล “ทองใหญ่”และเป็นเวลาที่ พลตรี พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมเคลื่อนทัพจากริมฝั่งโขงมาตั้งบ้านเมืองที่บ้านหมากแข้ง หรือเมืองอุดรธานีปัจจุบัน



พันธุ์ไม้มงคลประจำจังหวัดอุดรธานี

ต้นรัง

ชื่อวิทยาศาสตร์ Shorea siamensis Mig.
วงศ์ DIPTEROCARPACEAE
ชื่อพื้นเมือง เรียง เรียงพนม เปา เปาดอกแดง ฮัง



กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดทำโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50 และได้จัดงานวันรณรงค์โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2537 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเสด็จเป็นองค์ประธาน และได้ทรงพระราชทานกล้าไม้มงคลประจำจังหวัดให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยจังหวัดอุดรธานีได้รับพันธุ์ไม้มงคลพระราชทาน คือ “รัง” และจัง
หวัดอุดรธานี ได้จัดงานปลูกต้นไม้เป็นปฐมฤกษ์ตามโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50 ในวันที่ 9 มิถุนายน 2537 โดยนำกล้าไม้รังพระราชทาน ไปปลูกไว้บริเวณหน้าวัดป่าเกษรศรีคุณ ดอยธรรมเจดีย์ (ภูผาแดง) ตำบลหนองอ้อ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี


ความเป็นมาของจังหวัดอุดรธานี


จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีพบว่า บริเวณพื้นที่ที่เป็นจังหวัดอุดรธานีในปัจจุบัน เคยเป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ประ มาณ 5,000-7,000 ปี จากหลักฐานการค้นพบที่บ้านเชียงอำเภอหนองหานและภาพเขียนสีบนผนังถ้ำที่อำเภอ บ้านผือ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นเป็นอย่างดีจนเป็นที่ยอมรับนับถือในวงการศึกษา ประวัติศาสตร์ และโบราณคดีระหว่างประเทศว่าชุมชนที่เป็นถิ่นที่อยู่ของมนุษย์ก่อนประวัติ ศาสตร์ที่จังหวัดอุดรธานี มีอารยธรรมความเจริญในระดับสูง และอาจถ่ายทอดความเจริญนี้ไปสู่ประเทศจีนก็อาจเป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่บ้านเชียงนั้นสันนิษฐานว่า อาจเป็นเครื่องปั้นดินเผาสีลายเส้นที่เก่าที่สุดของโลก


หลังจากยุคความเจริญที่บ้านเชียงแล้ว พื้นที่ที่เป็นจังหวัดอุดรธานี ก็ยังคงเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์สืบต่อมาอีกจนกระทั่งสมัยประวัติศาสตร์ของ ประเทศไทย นับตั้งแต่สมัยทวาราวดี (พ.ศ.1200-1600) สมัยลพบุรี (พ.ศ.1200-1800 และสมัยสุโขทัย(พ.ศ.1800 - 2000) จากหลักฐานที่พบคือใบเสมาสมัยทวาราวดีลพบุรี และภาพเขียนปูนบนผนังโบสถ์ที่ปรักหักพังบริเวณเทือกเขาภูพานใกล้วัดพระ พุทธบาทบัวบกอำเภอบ้านผือ แต่ทั้งนี้ยังไม่ปรากฏหลักฐานชื่อ จังหวัดอุดรธานีปรากฎในประวัติศาสตร์แต่อย่างใด


ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี พื้นที่ที่จังหวัดอุดรธานีปรากฎในประวัติศาสตร์ เมื่อราวปีจอ พ.ศ. 2117 พระเจ้ากรุงหงสาวดีได้ทรงเกณฑ์ทัพไทยให้ไปช่วยตีกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์) โดยให้สมเด็จพระมหาธรรมราชากับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยกทัพไปช่วยรบ แต่เมื่อกองทัพไทยมาถึงเมืองหนองบัวลำภูซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของเมือง เวียงจันทน์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชประชวรด้วยไข้ทรพิษจึงยกทัพกลับไม่ต้องรบ พุ่งกับเวียงจันทน์และที่เมืองหนองบัวลำภูนี่เองสันนิษฐานว่าเคยเป็นเมือง ที่มีความเจริญมาตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ


ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี นั้น จังหวัดอุดรธานีได้เกี่ยวข้องกับการศึกสงครามกล่าวคือในระหว่าง พ.ศ. 2369 - 2371 ได้เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ามายึดเมืองนครราชสีมา ซึ่งมีผู้นำคือ คุณหญิงโม (ท้าวสุรนารี) กองทัพเจ้าอนุวงศ์ได้ถอยทัพมาตั้งรับที่เมืองหนองบัวลำภู และได้ต่อสู้กับกองทัพไทยและชาวเมืองหนองบัวลำภูจนทัพเจ้าอนุวงศ์แตกพ่ายไป กระทั่งในปลายสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ประมาณ พ.ศ. 2411 ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นในมณฑลลาวพวน เนื่องมาจากพวกฮ่อซึ่งกองทัพไทยได้ยกขึ้นไปปราบปรามจนสงบได้ชั่วคราว

ในปี พ.ศ. 2428 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พวกฮ่อได้รวมตัวก่อการร้าย กำเริบเสิบสานขึ้นอีกในมณฑลลาวพวนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและมีท่าทีจะ รุนแรง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม เป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ และเจ้าหมื่นไวยวรนาถเป็นแม่ทัพใหญ่ฝ่ายเหนือไปทำการปราบปรามพวกฮ่อ ในเวลานั้นเมืองอุดรธานียังไม่ปรากฎชื่อเพียงแต่ปรากฎชื่อบ้านหมากแข้งหรือบ้านเดื่อหมากแข้ง สังกัดเมืองหนองคายขึ้นการปกครองกับมณฑลลาวพวน และกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมแม่ทัพใหญ่ฝ่ายใต้ได้เดินทัพผ่านบ้านหมากแข้ง ไปทำการปราบปรามพวกฮ่อจนสงบ


ภายหลังการปราบปรามฮ่อสงบแล้วไทยมีกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส เนื่องจากฝรั่งเศลต้องการลาว เขมร ญวน เป็นอาณานิคม เรียกว่า "กรณีพิพาท ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436)" ด้วยพระปรีชาญาณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงยอมเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาประเทศไว้ จึงทรงสละดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส และตามสนธิสัญญาที่ทำขึ้นระหว่าง 2 ประเทศ มีเงื่อนไขห้ามประเทศสยามตั้งกองทหารและป้อมปราการอยู่ในรัศมี 25 กิโลเมตร ของฝั่งแม่น้ำโขง


ดังนั้น หน่วยทหารไทยที่ตั้งประจำอยู่ที่เมืองหนองคาย อันเป็นเมืองศูนย์กลางของหัวเมือง หรือมณฑลลาวพวน ซึ่งมีกรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมเป็นข้าหลวงใหญ่สำเร็จราชการ จำต้องอพยพเคลื่อนย้ายลึกเข้ามาจนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งชื่อบ้านเดื่อหมาก แข้ง (ซึ่งเป็นที่ตั้งจังหวัดอุดรธานีปัจจุบัน) ห่างจากฝั่งแม่น้ำโขงกว่า 50 กิโลเมตร เมื่อทรงพิจารณาเห็นว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีชัยภูมิเหมาะสม เพราะมีแหล่งน้ำดี เช่น หนองนาเกลือ (หนองประจักษ์ ปัจจุบัน) และหนองน้ำอีกหลายแห่ง รวมทั้งห้วยหมากแข้ง ซึ่งเป็นลำห้วยน้ำใสไหลเย็น กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคม ทรงบัญชาให้ตั้งศูนย์มณฑลลาวพวน และตั้งกองทหารขึ้น ณ หมู่บ้านเดื่อหมากแข้ง จึงพอเห็นได้ว่าเมืองอุดรธานีได้อุบัติขึ้นโดยบังเอิญ เพราะเหตุผลทางการเมืองระหว่างประเทศ ยิ่งกว่าเหตุผลทางการค้า การคมนาคมหรือเหตุผลอื่น ดังเช่นหัวเมืองสำคัญต่างๆ ในอดีต


อย่างไรก็ตามคำว่า "อุดร" มาปรากฏชื่อเมือง พ.ศ 2450 (พิธีตั้งเมืองอุดรธานี 1 เมษายน ร.ศ. 127 พ.ศ. 2450 โดยพระยาศรีสุริยราช วรานุวัตร “โพธิ์ เนติโพธิ์”) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีกระแสพระบรมราชโองการให้จัดตั้งเมืองอุดรธานีขึ้นที่บ้านหมากแข้งอยู่ ในการปกครองของมณฑลอุดร


หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบ สมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2475 แล้วได้มีการปรับปรุงระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน ยกเลิกการปกครองในระบบมณฑลในส่วนภูมิภาคยังคงเหลือเฉพาะจังหวัดและอำเภอ เท่านั้นมณฑลอุดรจึงถูกยุบเลิกไปเหลือเพียงจังหวัด "อุดรธานี"เท่านั้น



น้ำตกธารงาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

handsome man

handsome man
Tong

Do you think am i hot or not.?

คลังบทความของบล็อก